ฟาร์ม ไลฟ์

👩‍🌾🧑‍🌾🌿ตั้งเป้าหมายแบบเกษตรอินทรีย์ ปลูกผักให้ปลอดภัยทั้งคนทั้งดิน #เกษตรอินทรีย์ เป็นระบบเกษตรที่เน้นการใช้ทรัพยากรธรรมชาติอย่างยั่งยืน โดยไม่ใช้สารเคมีสังเคราะห์หรือสิ่งเจือปนใด ๆ ที่เป็นอันตรายต่อสุขภาพและสิ่งแวดล้อม การปลูกผักแบบเกษตรอินทรีย์จึงให้ความสำคัญกับการดูแลรักษาดินและสภาพแวดล้อมให้อุดมสมบูรณ์ เพื่อให้พืชสามารถเจริญเติบโตได้อย่างแข็งแรงและผลิตอาหารที่ปลอดภัยต่อผู้บริโภค  เป้าหมายของเกษตรอินทรีย์มี 3 ประการ ได้แก่  #ความปลอดภัยต่อผู้บริโภค ผักที่ปลูกแบบเกษตรอินทรีย์ปราศจากสารเคมีตกค้าง จึงปลอดภัยต่อผู้บริโภคทั้งเด็กและผู้ใหญ่#ความปลอดภัยต่อสิ่งแวดล้อม เกษตรอินทรีย์ช่วยรักษาความอุดมสมบูรณ์ของดินและสภาพแวดล้อม ไม่ให้เกิดการปนเปื้อนของสารเคมี#ความยั่งยืน เกษตรอินทรีย์เป็นระบบเกษตรที่ยั่งยืน สามารถดำเนินไปได้ในระยะยาวโดยไม่ทำลายสิ่งแวดล้อม เกษตรกรที่สนใจทำเกษตรอินทรีย์อาจสงสัยว่าควรเริ่มต้นอย่างไร และควรเตรียมตัวอย่างไรบ้าง ต่อไปนี้เป็นคำแนะนำเบื้องต้นสำหรับเกษตรกรที่ต้องการตั้งเป้าหมายแบบเกษตรอินทรีย์ค่ะ ศึกษาข้อมูลเกี่ยวกับเกษตรอินทรีย์ ก่อนที่จะเริ่มต้นทำเกษตรอินทรีย์ ควรศึกษาข้อมูลเกี่ยวกับเกษตรอินทรีย์อย่างละเอียด เพื่อเข้าใจหลักการและวิธีการปฏิบัติอย่างถูกต้องวิเคราะห์พื้นที่และสภาพดิน ก่อนที่จะเริ่มต้นทำเกษตรอินทรีย์ ควรวิเคราะห์พื้นที่และสภาพดิน เพื่อวางแผนการปลูกผักที่เหมาะสมเตรียมวัสดุปลูกและอุปกรณ์ วัสดุปลูกและอุปกรณ์ที่เหมาะสมมีความสำคัญต่อการปลูกผักแบบเกษตรอินทรีย์ ควรเตรียมวัสดุปลูกและอุปกรณ์ให้พร้อมก่อนเริ่มปลูกวางแผนการปลูกผัก ควรวางแผนการปลูกผักให้เหมาะสมกับสภาพพื้นที่และฤดูกาล การเริ่มต้นทำเกษตรอินทรีย์ไม่ใช่เรื่องยาก เพียงแค่ศึกษาข้อมูลอย่างละเอียดและเตรียมตัวให้พร้อม เกษตรกรก็สามารถปลูกผักแบบเกษตรอินทรีย์ได้อย่างปลอดภัยทั้งคนทั้งดินและสิ่งแวดล้อมแบบยั่งยืน แอดขอเป็นกำลังใจให้เกษตรกรทุกท่านที่ตั้งใจที่จะปลูกผักแบบเกษตรอินทรีย์ เชื่อว่าหากท่านมีความมุ่งมั่นและตั้งใจจริง ท่านจะประสบความสำเร็จอย่างแน่นอนค่ะ

เปิดใจรับนักท่องเที่ยว สัมผัสวิถีเกษตรแบบใกล้ชิด เกษตรกรท่านใดที่อยากจะแบ่งปันวิถีชีวิตเกษตรกรรมให้กับนักท่องเที่ยวกำลังคิดจะเริ่มต้นทำธุรกิจฟาร์มสเตย์ ต้องรู้อะไรบ้าง? วันนี้แอดมีข้อมูลมาฝากกันค่ะ #ฟาร์มสเตย์ คืออะไร ฟาร์มสเตย์ คือ ธุรกิจที่พักที่ให้บริการนักท่องเที่ยวได้สัมผัสกับวิถีชีวิตเกษตรกรรมอย่างใกล้ชิด โดยนักท่องเที่ยวจะได้พักอาศัยอยู่ในบ้านพักหรือกระท่อมที่ตั้งอยู่ภายในฟาร์ม และทำกิจกรรมต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับการเกษตร เช่น การปลูกผัก เลี้ยงสัตว์ เก็บผลผลิต เรียนรู้การทำอาหาร เป็นต้น เริ่มทำฟาร์มสเตย์ ต้องรู้อะไรบ้าง  1. สำรวจพื้นที่และทรัพยากรที่มีอยู่  สิ่งแรกที่คุณต้องทำคือสำรวจพื้นที่และทรัพยากรที่มีอยู่ ไม่ว่าจะเป็นที่ดิน อาคาร สิ่งปลูกสร้าง เครื่องจักร เครื่องมือ อุปกรณ์ รวมถึงแรงงานที่มีอยู่ สำรวจว่าพื้นที่ของคุณมีความเหมาะสมในการทำฟาร์มสเตย์หรือไม่ มีสิ่งอำนวยความสะดวกที่จำเป็นครบถ้วนหรือไม่ อะไรบ้างที่จำเป็นต้องปรับปรุงหรือเพิ่มเติม  2. กำหนดคอนเซ็ปต์ของฟาร์มสเตย์  คอนเซ็ปต์คือหัวใจสำคัญของฟาร์มสเตย์ เพราะจะเป็นสิ่งดึงดูดนักท่องเที่ยวให้มาใช้บริการ คอนเซ็ปต์ของฟาร์มสเตย์สามารถกำหนดได้ตามความสนใจของคุณ เช่น ฟาร์มสเตย์เชิงเกษตรอินทรีย์ ฟาร์มสเตย์เชิงวัฒนธรรม ฟาร์มสเตย์เชิงอนุรักษ์ธรรมชาติ เป็นต้น  3. วางแผนการตลาดและการขาย  เมื่อคุณมีคอนเซ็ปต์ของฟาร์มสเตย์แล้ว ขั้นตอนต่อไปคือวางแผนการตลาดและการขาย เพื่อเผยแพร่ให้นักท่องเที่ยวทราบถึงฟาร์มสเตย์ของคุณ คุณสามารถวางแผนการตลาดและการขายได้หลากหลายช่องทาง เช่น เว็บไซต์ โซเชียลมีเดีย สื่อโฆษณา เป็นต้น  4. เตรียมความพร้อมด้านกฎหมายและข้อบังคับ  การทำฟาร์มสเตย์เป็นธุรกิจประเภทหนึ่ง จึงจำเป็นต้องปฏิบัติตามกฎหมายและข้อบังคับที่เกี่ยวข้อง

เกษตรกรไทย เป็นหนึ่งในอาชีพที่มีความสำคัญต่อเศรษฐกิจของประเทศ ในการทำเกษตรกรรมนั้น จำเป็นต้องมีอุปกรณ์ต่างๆ มากมาย ไม่ว่าจะเป็นเครื่องตัดหญ้า เครื่องพ่นยา รถไถนา หรือแม้แต่ปุ๋ยและเมล็ดพันธุ์ ด้วยเหตุนี้ รถกระบะจึงถือเป็นยานพาหนะคู่กายของเกษตรกร เพราะสามารถบรรทุกอุปกรณ์ต่างๆ ได้อย่างสะดวกและปลอดภัย รถกระบะคู่ใจเกษตรกรควรมีคุณสมบัติใดบ้าง เครื่องยนต์ทรงพลัง ทนทานต่อการใช้งานหนักกระบะบรรทุกกว้างและลึก จุสัมภาระได้เยอะระบบช่วงล่างดี ขับเคลื่อน 4 ล้อ ลุยได้ทุกสภาพถนนความปลอดภัยสูง ปกป้องชีวิตและทรัพย์สินของคุณ #รถกระบะ ที่เหมาะสมกับอาชีพเกษตรกรควรมีคุณสมบัติครบถ้วนทั้งในด้านการใช้งาน ความปลอดภัย และราคา เพื่อให้คุณทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพและปลอดภัย นอกจากนี้ คุณควรพิจารณาปัจจัยอื่นๆ เช่น งบประมาณ ราคาน้ำมัน และการดูแลรักษาด้วยนะคะ แล้วคุณล่ะ คิดว่ารถกระบะไหนที่เหมาะกับคุณมากที่สุด? มาแบ่งปันกันได้เล๊ย

จากข้อมูลของกรมปศุสัตว์ กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ พบว่าคนไทยทั้งประเทศบริโภคไก่เฉลี่ยวันละ 350 กรัมต่อคน หรือประมาณ 1.2 กิโลกรัมต่อเดือน ซึ่งคิดเป็นมูลค่าประมาณ 100,000 ล้านบาทต่อปี ไก่จึงเป็นเนื้อสัตว์ที่สำคัญอันดับต้น ๆ ของคนไทย  เกษตรกรนิยมเลี้ยงไก่พันธุ์ไหน?  ไก่ที่เกษตรกรนิยมเลี้ยงกันมากที่สุดในประเทศไทย ได้แก่ ไก่เนื้อพันธุ์โรดไอแลนด์เรด ไก่เนื้อพันธุ์เบอร์ดแลนด์ และไก่เนื้อพันธุ์โคราช ซึ่งเป็นไก่พันธุ์ต่างประเทศที่นำเข้ามาเลี้ยงในประเทศไทย ไก่เนื้อพันธุ์เหล่านี้มีอัตราการเจริญเติบโตเร็ว เลี้ยงง่าย และทนทานต่อโรคได้ดี นอกจากนี้ เกษตรกรยังนิยมเลี้ยงไก่ไข่พันธุ์โรดไอแลนด์เรด ไก่ไข่พันธุ์เลห์กอร์ และไก่ไข่พันธุ์บาร์เลด ซึ่งเป็นไก่พันธุ์ต่างประเทศเช่นกัน ไก่ไข่พันธุ์เหล่านี้มีอัตราการไข่สูง ไข่มีขนาดใหญ่ และเปลือกไข่แข็งแรง  วิธีการเลี้ยงไก่  วิธีการเลี้ยงไก่โดยทั่วไปมี 2 วิธี ได้แก่ เลี้ยงไก่แบบปล่อย และเลี้ยงไก่แบบโรงเรือน #การเลี้ยงไก่แบบปล่อย เป็นวิธีการเลี้ยงไก่แบบปล่อยให้ไก่เดินหากินเองตามธรรมชาติ ไก่จะได้ออกกำลังกายและได้รับวิตามินจากธรรมชาติอย่างเต็มที่ อย่างไรก็ตาม วิธีการเลี้ยงไก่แบบปล่อยอาจทำให้ไก่ได้รับเชื้อโรคได้ง่าย #การเลี้ยงไก่แบบโรงเรือน เป็นวิธีการเลี้ยงไก่โดยกักขังไก่ไว้ภายในโรงเรือน ไก่จะได้กินอาหารและน้ำอย่างเพียงพอ และได้รับการป้องกันจากโรคภัยไข้เจ็บ อย่างไรก็ตาม วิธีการเลี้ยงไก่แบบโรงเรือนอาจทำให้ไก่เครียดและเจริญเติบโตช้า การเลี้ยงไก่เป็นอาชีพที่สร้างรายได้ให้กับเกษตรกรไทยเป็นจำนวนมาก เกษตรกรผู้เลี้ยงไก่ควรมีความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับวิธีการเลี้ยงไก่อย่างถูกต้อง เพื่อให้สามารถเลี้ยงไก่ให้ได้ผลผลิตสูงและมีคุณภาพดี สามารถสร้างรายได้ได้อย่างยั่งยืน ขอให้เกษตรกรทุกท่านประสบความ success ในการเลี้ยงไก่นะคะ

“ปลาทูหน้างอคอหัก” เป็นคำพูดที่คุ้นหูของคนไทยมาช้านาน บ่งบอกถึงเอกลักษณ์ของปลาทูแม่กลองที่มีชื่อเสียงในด้านรสชาติความอร่อย เนื้อแน่น หอมมัน แตกต่างจากปลาทูจากแหล่งอื่น ๆ สาเหตุที่ปลาทูแม่กลองต้อง “หน้างอคอหัก” นั้น เกิดจากกรรมวิธีการทำปลาทูนึ่งของชาวประมงแม่กลอง ซึ่งจะใช้ปลาทูตัวโต ๆ นำมาควักไส้ จากนั้นนำไปล้างและจุ่มในน้ำเกลือ ก่อนจะเรียงใส่เข่งเพื่อนำไปนึ่ง เนื่องจากเข่งปลาทูมักจะมีขนาดเท่ากัน จึงจำเป็นต้องหักคอปลาทูให้งอเพื่อให้พอดีกับเข่ง จึงทำให้ปลาทูแม่กลองมีรูปร่างหน้าตาที่แตกต่างจากปลาทูจากแหล่งอื่น ๆ นอกจากนี้ ลักษณะของปลาทูหน้างอคอหักยังทำให้เห็นว่าคุณภาพของ ปลาทูที่ตัวโต เนื้อแน่น มักจะมีคอที่แข็งแรง จึงสามารถทนต่อการหักคอได้โดยไม่แตกหรือฉีกขาด บ่งบอกถึงความสดใหม่และคุณภาพของปลาทูได้เป็นอย่างดีอีกด้วยค่ะ

ฟาร์มสเตย์เป็นธุรกิจท่องเที่ยวเชิงเกษตรที่ได้รับความนิยมมากขึ้นในปัจจุบัน เนื่องจากเป็นการท่องเที่ยวที่เน้นการสัมผัสวิถีชีวิตชนบท เรียนรู้เกี่ยวกับการเกษตร และใกล้ชิดกับธรรมชาติ สำหรับผู้สนใจหรือมีอาชีพเกี่ยวกับการทำเกษตรที่กำลังมองหาแนวทางในการเริ่มต้นธุรกิจฟาร์มสเตย์ นี้เรามีคำแนะนำดีๆมาบอกกันค่ะ  1. ศึกษาข้อมูลให้ครบถ้วน  ก่อนเริ่มต้นธุรกิจฟาร์มสเตย์ควรศึกษาข้อมูลให้ครบถ้วน ไม่ว่าจะเป็นข้อมูลเกี่ยวกับความต้องการของตลาด การแข่งขันในตลาด รวมไปถึงข้อมูลเกี่ยวกับกฎหมายและข้อบังคับที่เกี่ยวข้อง เพื่อให้สามารถวางแผนธุรกิจได้อย่างมีประสิทธิภาพ  2. เลือกทำเลที่เหมาะสม  ทำเลที่ตั้งเป็นปัจจัยที่สำคัญอย่างหนึ่งในการเริ่มต้นธุรกิจฟาร์มสเตย์ ควรเลือกทำเลที่ตั้งที่เดินทางสะดวก ใกล้แหล่งท่องเที่ยว และสามารถรองรับนักท่องเที่ยวได้  3. พัฒนาฟาร์มให้น่าสนใจ  ฟาร์มสเตย์ที่ดีควรมีกิจกรรมที่น่าสนใจหลากหลาย เช่น การให้อาหารสัตว์ เก็บไข่ เรียนรู้เกี่ยวกับการเกษตร รวมไปถึงกิจกรรมอื่นๆ ที่เหมาะสมกับกลุ่มเป้าหมาย  4. บริการที่ดีเป็นสิ่งสำคัญ  บริการที่ดีเป็นสิ่งสำคัญที่ทำให้นักท่องเที่ยวประทับใจ ดังนั้นควรให้ความสำคัญกับการให้บริการที่ดี เช่น การให้บริการที่สุภาพและเป็นมิตร อาหารและเครื่องดื่มที่สะอาดและมีคุณภาพ  5. ประชาสัมพันธ์ให้เป็นที่รู้จัก  การประชาสัมพันธ์เป็นสิ่งสำคัญในการทำให้ธุรกิจเป็นที่รู้จัก ดังนั้นควรประชาสัมพันธ์ธุรกิจผ่านช่องทางต่างๆ เช่น เว็บไซต์ สื่อสังคมออนไลน์ และสื่ออื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง เคล็ดลับการทำฟาร์มสเตย์ให้ประสบความสำเร็จ เน้นคุณภาพมากกว่าปริมาณฟาร์มสเตย์ที่ดีควรเน้นคุณภาพมากกว่าปริมาณ เน้นการบริการที่ประทับใจ ให้ลูกค้ารู้สึกเหมือนได้พักผ่อนอยู่บ้าน ควรให้ความสำคัญกับคุณภาพของผลผลิตทั้งในด้านรสชาติและความสวยงาม ใส่ใจรายละเอียดใส่ใจรายละเอียดในทุกๆ ด้าน ไม่ว่าจะเป็นที่พัก อาหาร กิจกรรมต่างๆ เพื่อให้ลูกค้าได้รับความประทับใจสูงสุด พัฒนาสินค้าและบริการใหม่ๆ อยู่เสมอควรพัฒนาสินค้าและบริการใหม่ๆ อยู่เสมอ เพื่อให้ธุรกิจมีความน่าสนใจและดึงดูดนักท่องเที่ยวใหม่ๆ

“เกษตรกรไทยต้องสู้” คำพูดที่ได้ยินบ่อยครั้งในทุกวันนี้ เพราะการทำเกษตรในปัจจุบันต้องเผชิญกับปัญหามากมาย ไม่ว่าจะเป็นต้นทุนการผลิตที่สูงขึ้น ผลผลิตที่ลดลง และสภาพอากาศแปรปรวน แต่รู้หรือไม่ว่า เครื่องจักรที่ผลิตในประเทศไทยสามารถช่วยลดต้นทุนการผลิตและเพิ่มผลผลิตได้จริง! จากการศึกษาของสถาบันวิจัยเพื่อการพัฒนาประเทศไทย (TDRI) พบว่า เครื่องจักรผลิตในประเทศสามารถช่วยลดต้นทุนการผลิตได้ถึง 20-30% เมื่อเทียบกับเครื่องจักรนำเข้า ตอนนี้มีเครื่องจักรไทยทำเอง ออกมามากมาย ช่วยลดต้นทุนการทำเกษตรได้จริงนะคะ ยกตัวอย่างเช่น ⚙️ เครื่องหยอดเมล็ด⚙️ เครื่องเกี่ยวข้าว⚙️ เครื่องตัดหญ้า⚙️ เครื่องพ่นยา⚙️ เครื่องอัดฟาง เป็นต้น ที่สำคัญ ราคาไม่แพงเท่าเครื่องจักรนำเข้า แถมซ่อมบำรุงได้ง่ายอีกด้วยถ้าคุณกำลังมองหาเครื่องจักรทำเกษตร ลองหันมามองเครื่องจักรไทยทำเองกันนะคะ รับรองว่าคุ้มค่าแน่นอนค่ะ เกษตรกรท่านใดที่สนใจเครื่องจักรผลิตในประเทศ สามารถหาข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่เว็บไซต์ของกรมส่งเสริมอุตสาหกรรม หรือติดต่อสอบถามผู้ผลิตและจำหน่ายเครื่องจักรโดยตรงเลยนะคะ #เครื่องจักรไทยทำเอง #ลดต้นทุนทำเกษตร #เครื่องจักรทำเกษตร #เกษตรกรไทย #เกษตรอินทรีย์ #เกษตรพอเพียง #Farmexpo #Farmexpothailand #FarmExpo2024 #งานเกษตร #เกษตรกร #มหกรรมเกษตร #เกษตร #นวัตกรรม #เทรนด์การเกษตร

ใครชอบกินหมูสามชั้นบ้างยกมือขึ้น ว่าแต่…รู้กันมั้ยคะว่าหมู 3 ชั้นคือส่วนไหน แล้วแต่ละชั้นมีรายละเอียดยังไงบ้าง วันนี้แอดจะมาเล่าเรื่องหมูสามชั้นให้ฟังค่ะ หมูสามชั้นเป็นเนื้อหมูส่วนท้อง มีลักษณะเป็นชั้นหนัง ชั้นเนื้อ และชั้นมันเรียงสลับกัน ด้วยความที่มีชั้นไขมันจำนวนมาก ทำให้หมูสามชั้นมีความนุ่มฉ่ำเวลานำไปปรุงอาหาร จึงเป็นเมนูโปรดของใครหลายๆ คน ไม่ว่าจะเป็น#หมูกรอบ #หมูตุ๋น #เคาหยก ฯลฯ หมูสามชั้นประกอบไปด้วย • ชั้นหนัง ชั้นหนังของหมู 3 ชั้นมีลักษณะเป็นแผ่นบาง ๆ ใส ๆ เหนียว ๆ มีไขมันแทรกอยู่เล็กน้อย ทำหน้าที่ช่วยปกป้องเนื้อหมูที่อยู่ข้างในไม่ให้แห้งหรือเสียง่าย • ชั้นเนื้อ ชั้นเนื้อของหมู 3 ชั้นมีลักษณะเป็นเนื้อหมูสีขาวนวล นุ่ม มีรสชาติอร่อย • ชั้นมัน ชั้นมันของหมู 3 ชั้นมีลักษณะเป็นไขมันสีขาวนวล นุ่ม มีรสชาติมัน ๆ ช่วยให้หมู 3 ชั้นมีความอร่อยและฉ่ำ เคล็ดลับการเลือกหมูสามชั้น – ควรเลือกหมูสามชั้นที่มีชั้นหนังบาง เนื้อแน่น และชั้นมันแทรกทั่วถึง– หากจะนำไปทอด

เชอริโมยา หรือ น้อยหน่าออสเตรเลีย ถูกจัดอันดับเป็นผลไม้ที่มีคุณค่าทางโภชนาการเป็นอันดับ 2 ของโลก !!! รองลงมาจากอัลมอนด์ เกษตรกรท่านใดกำลังมองหาผลไม้แปลกใหม่มาปลูก แอดขอแนะนำให้ปลูก “เชอริโมยา” เลยจ้า ผลไม้ชนิดนี้ มีถิ่นกำเนิดในอเมริกาใต้ มีลักษณะคล้ายผลแอปเปิ้ล เปลือกสีเขียว เนื้อสีขาวนวล รสชาติหวานมัน คล้ายนมข้นหวานผสมไอศกรีม เชอริโมยา มีประโยชน์มากมาย อุดมไปด้วยวิตามิน C และแร่ธาตุต่าง ๆ เช่น โพแทสเซียม แมกนีเซียม แคลเซียม บำรุงร่างกาย ช่วยลดไข้ รักษาโรคบิด ที่สำคัญคือ เชอริโมยา ปลูกง่าย ทนต่อสภาพอากาศร้อนชื้นของประเทศไทย ใช้เวลาปลูกประมาณ 3-5 ปี ก็เริ่มให้ผลผลิตแล้ว ขายดี ราคาดีอีกด้วย ใครสนใจปลูกเชอริโมยา รีบหาซื้อต้นกล้ามาปลูกกันได้เลยนะคะ รับรองว่าไม่ผิดหวัง #เชอริโมยา #ผลไม้แปลกใหม่ #รสชาติเหมือนไอศกรีม #ปลูกง่าย #ขายดี #Farmexpo #Farmexpothailand #FarmExpo2024 #งานเกษตร #เกษตรกร

ไบโอดีเซล เชื้อเพลิงสะอาด…ดีเซลทางเลือกจากธรรมชาติ สวัสดีค่ะ…วันนี้แอดจะชวนคุยเรื่องไบโอดีเซลกันนะคะ #ไบโอดีเซล คือเชื้อเพลิงดีเซลทางเลือกที่ผลิตจากพืชผลทางการเกษตร เช่น น้ำมันปาล์ม น้ำมันมะพร้าว น้ำมันถั่วเหลือง น้ำมันเมล็ดฝ้าย เป็นต้น โดยมีคุณสมบัติใกล้เคียงกับน้ำมันดีเซลมาก สามารถใช้แทนน้ำมันดีเซลได้โดยไม่ส่งผลกระทบต่อเครื่องยนต์ วัตถุดิบหลักที่นำมาผลิตไบโอดีเซล ได้แก่ #น้ำมันพืช เช่น น้ำมันปาล์ม น้ำมันมะพร้าว น้ำมันถั่วเหลือง น้ำมันข้าวโพด ฯลฯ#ไขมันสัตว์ เช่น น้ำมันหมู น้ำมันวัว น้ำมันแกะ ฯลฯ#น้ำมันใช้แล้วจากการปรุงอาหาร ไบโอดีเซลนำไปใช้ประโยชน์อะไรได้บ้างนะ ไบโอดีเซลสามารถนำไปใช้เป็นเชื้อเพลิงในเครื่องยนต์ดีเซลได้ เช่น รถยนต์ รถบรรทุก รถแทรกเตอร์ เรือ ฯลฯ ช่วยลดการนำเข้าน้ำมันจากต่างประเทศ ส่งผลดีต่อเศรษฐกิจของประเทศ นอกจากประโยชน์ข้างต้นแล้ว ไบโอดีเซลยังช่วยส่งเสริม ESG (Environmental, Social, Governance) ของเกษตรกรไทยอีกด้วย โดยช่วยลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก (Carbon Neutral)ได้มากกว่าน้ำมันดีเซลถึง 60-80% เลยทีเดียว เนื่องจากไบโอดีเซลมีสารซัลเฟอร์น้อยกว่าน้ำมันดีเซล ทำให้ไม่ก่อให้เกิดฝุ่นละอองและไอเสียที่เป็นอันตรายต่อสุขภาพ ซึ่งส่งผลดีต่อสิ่งแวดล้อม และยังช่วยสร้างโอกาสให้เกษตรกรไทยมีส่วนร่วมในการลดปัญหาโลกร้อนอีกด้วยค่ะ ไบโอดีเซล ทางเลือกใหม่ของเกษตรกรไทย