ฟาร์ม ไลฟ์

คุณเคยฝันอยากใช้ชีวิตเรียบง่าย ใกล้ชิดธรรมชาติหรือไม่? Farm Expo 2025 พร้อมทำให้ความฝันของคุณเป็นจริง ✨ ลองจินตนาการดู… 🍃 ตื่นมาเจอกับกลิ่นหอมของดินยามเช้า 🥕 ปลูกผักกินเองได้อย่างมั่นใจ ไร้สารเคมี 🐓 เลี้ยงสัตว์เล็ก ๆ แบบพึ่งพาตนเอง 💚 ใช้ชีวิตแบบยั่งยืน ในแบบที่หัวใจโหยหา   พื้นที่แห่งแรงบันดาลใจใน Farm Expo 2025 งานนี้ไม่ใช่เพียงแค่งานแสดงสินค้าเกษตร แต่คือ Lifestyle Space สำหรับคนเมือง คนรุ่นใหม่ และครอบครัว ที่อยากเริ่มต้นเส้นทางชีวิตสีเขียว สิ่งที่คุณจะได้พบในโซน “หนีกรุง…ไปปรุงฟาร์ม”: 🌱 เวิร์กช็อปเกษตรอินทรีย์ และการปลูกผักสวนครัวง่าย ๆ สำหรับคนเมือง   🛍️ ผลิตภัณฑ์ท้องถิ่น & อาหารออร์แกนิก พร้อมสินค้าทำมือสุดสร้างสรรค์   🎤 เวทีเสวนากับเกษตรกรรุ่นใหม่ และผู้เชี่ยวชาญด้านความยั่งยืน ที่พร้อมแชร์ประสบการณ์จริง   🎶 บรรยากาศชิลล์ ๆ […]

🌏 และทำไมเกษตรกรไทย ห้ามมองข้าม? มณฑล อานฮุย (Anhui) คือหนึ่งในตลาดสินค้าเกษตรที่ใหญ่ที่สุดของจีน และกำลังกลายเป็น ประตูบานใหม่ ที่เปิดโอกาสให้สินค้าไทยเข้าไปเจาะตลาดได้มากกว่าที่เคยเป็นมา ด้วยทำเลที่ตั้งเชื่อมโยงทั้ง การขนส่ง การค้าระหว่างภูมิภาค และการบริโภคภายในประเทศจีน ทำให้อานฮุยเป็นหนึ่งในศูนย์กลางที่ผู้เล่นในวงการเกษตรทั่วโลกจับตามอง วันนี้ตลาดแห่งนี้เริ่มเปิดกว้างสำหรับสินค้าไทยแล้ว   ทำไมต้อง “อานฮุย”? 💡 ตลาดใหญ่ในจีน: ผู้บริโภคนับล้านที่มีอุปสงค์สูงต่อสินค้าเกษตรคุณภาพ 📦 ศูนย์กลางโลจิสติกส์: ทำเลทองเชื่อมโยงการกระจายสินค้าทั่วจีนได้อย่างมีประสิทธิภาพ 🤝 โอกาสเจรจาตรง: เปิดประตูให้เกษตรกรไทยและผู้ประกอบการเข้าถึงพันธมิตรใหม่ ๆ ไฮไลท์พิเศษในงาน Farm Expo 2025 หัวข้อเสวนา “อานฮุย : ตลาดเกษตรของจีน” โดยผู้บริหารด้านเกษตรจากมณฑลอานฮุย ตัวจริงเสียงจริง ลัดฟ้ามาแบ่งปันมุมมองและโอกาสใหม่ของเกษตรกรไทย

อนาคตของอาหารไม่ได้อยู่ไกลเกินเอื้อมอีกต่อไป! ที่ บูธ Future Food ภายในงาน Farm Expo 2025 🌱🚀 คุณจะได้เปิดประสบการณ์ใหม่ในโลกแห่งอาหาร ที่ผสานทั้ง วิทยาศาสตร์ นวัตกรรม และความยั่งยืน เข้าด้วยกัน   🍽️ สิ่งที่คุณจะได้ค้นพบในโซน Future Food อนาคตของอาหารจะเปลี่ยนไปอย่างไร? จากการผลิตวัตถุดิบในฟาร์มสู่การพัฒนาอาหารเพื่อสุขภาพและสิ่งแวดล้อม   เทคโนโลยีและนวัตกรรมเพื่อความยั่งยืน ตั้งแต่การใช้วัตถุดิบทดแทน โปรตีนใหม่ ไปจนถึงบรรจุภัณฑ์รักษ์โลก   อาหารแห่งอนาคต: อร่อย ปลอดภัย และรักษ์โลก 🌍 มาลองชิมและสัมผัสจริงว่าของดีจากงานวิจัยและนวัตกรรม สามารถสร้างรสชาติใหม่ที่ทั้งอร่อยและดีต่อโลกได้อย่างไร   ไฮไลท์พิเศษ ชิมตัวอย่าง “Future Menu” ที่พัฒนาโดยผู้เชี่ยวชาญด้านอาหาร   พบกับนักวิจัยและสตาร์ทอัพผู้พัฒนาอาหารแห่งอนาคต   เรียนรู้เส้นทาง “จากฟาร์มสู่จานอาหาร” อย่างแท้จริง

การทำเกษตรในยุคใหม่ ไม่ได้อาศัยแค่สายตาและประสบการณ์ของเกษตรกรอีกต่อไป แต่ยังมี “สายตาจากอวกาศ” ที่จะช่วยให้คุณวางแผนได้อย่างแม่นยำมากขึ้น และนี่คือสิ่งที่ Dragonfly จาก GISTDA กำลังจะนำมาให้คุณสัมผัสจริงใน Toyota Farm Expo 2025 Dragonfly คือเทคโนโลยีที่พัฒนาโดย สำนักงานพัฒนาเทคโนโลยีอวกาศและภูมิสารสนเทศ (องค์การมหาชน) – GISTDA ที่ใช้ข้อมูลจากดาวเทียมและระบบวิเคราะห์ขั้นสูง มาช่วยตรวจสอบสภาพพื้นที่เพาะปลูกแบบครบวงจร ทั้งเรื่องดิน น้ำ อากาศ และภูมิอากาศเฉพาะพื้นที่ ทำให้เกษตรกรสามารถตัดสินใจได้อย่างแม่นยำในทุกตารางเมตรของแปลงนา   🌱 ทำไม Dragonfly ถึงสำคัญกับเกษตรกร? ✅ เพิ่มผลผลิตแบบชาญฉลาด – ไม่ต้องปลูกแบบเดิมซ้ำ ๆ แต่เลือกปลูกในช่วงเวลาที่ดีที่สุด ✅ รู้ทันสภาพดิน–ฟ้า–อากาศ – ระบบแจ้งเตือนสภาพอากาศและความชื้นในดินแบบเรียลไทม์ ✅ ลดความเสี่ยงจากภัยธรรมชาติ – รับข้อมูลวิเคราะห์ล่วงหน้าเพื่อเตรียมรับมือกับฝนแล้ง น้ำท่วม หรือโรคพืช ✅ คำแนะนำตรงจากผู้เชี่ยวชาญ – GISTDA มีทีมงานที่พร้อมช่วยเกษตรกรแปลผลข้อมูล และให้คำปรึกษาเชิงลึก  

ที่ Toyota Farm Expo 2025 คุณจะได้พบกับ ผลงานวิจัยและนวัตกรรมการเกษตรจาก สวก. (ARDA) ที่ถูกพัฒนาขึ้นเพื่อตอบโจทย์เกษตรกรไทยโดยตรง และพร้อมให้คุณได้สัมผัสจริงในงาน สิ่งที่รอคุณอยู่ในโซน ARDA ได้แก่: ✅ โมเดลธุรกิจใหม่จากงานวิจัย – เปิดมุมมองการทำเกษตรเชิงพาณิชย์อย่างยั่งยืน 🌱 เทคโนโลยีเกษตรแม่นยำ – ลดต้นทุน เพิ่มผลผลิตด้วยนวัตกรรมดิจิทัล 🍌 นวัตกรรมแปรรูปผลไม้ – เพิ่มรายได้หลายเท่า ต่อยอดผลผลิตให้มีมูลค่าเพิ่ม 🤖 เครื่องมืออัจฉริยะ – เครื่องจักรและอุปกรณ์ที่จะช่วยให้งานไร่ นา สวน ง่ายขึ้นและทันสมัยขึ้น ✨ เพราะทุกนวัตกรรม ไม่ได้หยุดอยู่เพียงในห้องทดลอง แต่พร้อมส่งต่อถึงมือเกษตรกรจริง ๆ เพื่อต่อยอดอาชีพและยกระดับคุณภาพชีวิต 🚜   จุดเด่นที่ไม่ควรพลาด เกษตรกรจะได้เรียนรู้ วิธีนำงานวิจัยไปใช้จริงในไร่–นา–สวนนักวิจัยและผู้ประกอบการสามารถ ต่อยอดร่วมกัน เพื่อสร้างโอกาสใหม่ทางธุรกิจผู้เข้าชมงานทุกคนจะได้เห็นว่า งานวิจัยสามารถเปลี่ยนชีวิตเกษตรกรไทยได้อย่างไร 👉 มาร่วมพิสูจน์ด้วยตัวคุณเองว่า “งานวิจัย” คือพลังที่ทำให้เกษตรไทยก้าวทันโลกยุคใหม่

หลังจากสร้างกระแสฮือฮาในปีที่ผ่านมา ปีนี้ “ตู้บทุเรียนยักษ์” 🍈💥 กลับมาพร้อมความมันส์แบบจัดเต็มกว่าเดิม! 😂 สนุก ฮา ท้าทาย กับการแข่งสกิลกันสด ๆ 👍 เล่นแล้วได้ของจริงติดไม้ติดมือกลับบ้านแน่นอน ✨ ที่สำคัญ คีบฟรี! ไม่เสียค่าใช้จ่าย ใครมั่นใจว่ามือแม่น ✋ ต้องมาพิสูจน์ฝีมือตัวเองในงานนี้! 📅 วันที่ 25–28 กันยายน 2025 ⏰ เวลา 10.00–20.00 น. 📍 อิมแพค เอ็กซิบิชั่น ฮอลล์ 5–9 เมืองทองธานี 👉 อย่าพลาดกิจกรรมสนุก ๆ ที่จะทำให้คุณทั้ง อิ่มท้อง อิ่มใจ และอิ่มความสุข ในงาน Farm Expo 2025

หนึ่งในพืชเศรษฐกิจที่กำลังมาแรงและตอบโจทย์เกษตรกรรุ่นใหม่ที่มองหาแนวทาง “ทำเกษตรแบบยั่งยืน” ก็คือ กล้วยหอมพันธุ์คาเวนดิช (Cavendish Banana) พันธุ์นี้มีจุดเด่นคือรสชาติหอมหวาน เนื้อแน่น ทนต่อการขนส่ง และเป็นพันธุ์ที่ตลาดทั้งในและต่างประเทศต้องการสูง โดยเฉพาะเมื่อผสมผสานกับการปลูกแบบ อินทรีย์ (Organic) และแนวคิด เกษตรประณีต — ทำให้กล้วยหอมพันธุ์นี้กลายเป็นพืชที่ “ลงทุนน้อย กำไรดี” และทำได้แม้มีพื้นที่น้อย  กล้วยหอมคาเวนดิชที่นิยมปลูกในหลายประเทศ รวมถึงประเทศไทย มีต้นกำเนิดและพัฒนาโดยอาศัยสายพันธุ์จาก ประเทศอิสราเอล ซึ่งเป็นหนึ่งในผู้นำระดับโลกด้านนวัตกรรมทางการเกษตร ไม่ว่าจะเป็นเรื่อง การปรับปรุงพันธุ์พืช ทนโรค ทนแล้ง หรือ การควบคุมคุณภาพผลผลิตอย่างแม่นยำ   มีผลใหญ่ เปลือกหนา รสชาติดี โตเร็ว และส่งออกได้ไกล   🇮🇱 อิสราเอลคือประเทศที่สามารถทำการเกษตรบนทะเลทราย ด้วยระบบน้ำหยด (Drip Irrigation), เทคโนโลยีเซนเซอร์ตรวจวัดดิน และการวิจัยพันธุกรรมพืชเพื่อให้ตอบโจทย์ด้านการค้าและสิ่งแวดล้อม กล้วยหอมพันธุ์คาเวนดิชที่นิยมในเอเชีย รวมถึงไทย มีต้นสายพันธุ์ที่พัฒนามาจากประเทศอิสราเอล ซึ่งเป็นผู้นำระดับโลกด้าน เทคโนโลยีการเกษตร เช่น : การปรับปรุงพันธุ์พืชให้ ทนร้อน-ทนแล้ง-ต้านโรค ,

🦆 เป็ดไล่ทุ่ง: เกษตรผสมผสาน คือหนึ่งในตัวอย่างของเกษตรกรยุคใหม่ ที่ ผสมผสานความรู้พื้นบ้านเข้ากับการตลาดยุคใหม่ ทั้งลดต้นทุน สร้างรายได้ และเป็นมิตรกับธรรมชาติอย่างแท้จริง สร้างรายได้ + ช่วยธรรมชาติ = ทางเลือกเกษตรยั่งยืน เป็ดไล่ทุ่ง ไม่ใช่แค่ภาพความน่ารักของฝูงเป็ดที่เดินเรียงแถวกลางทุ่งนา แต่ยังเป็น ระบบเกษตรผสมผสานที่ชาญฉลาดและได้ผลจริง โดยเฉพาะในยุคที่เกษตรกรต้องการลดต้นทุน รักษาสิ่งแวดล้อม และสร้างรายได้ที่ยั่งยืนไปพร้อมกัน เป็นการเลี้ยงเป็ดในพื้นที่เปิด เช่น ทุ่งนา พื้นที่เกษตรหลังเก็บเกี่ยว หรือแปลงพักดิน โดยไม่ต้องให้อาหารสำเร็จรูปตลอดเวลา เพราะเป็ดจะหากินเองจากธรรมชาติ ได้แก่: 🐚 หอยเชอรี่ 🐜 แมลงศัตรูพืช 🌾 เศษเมล็ดข้าวตกค้าง 🌿 วัชพืชบางชนิด นอกจากลดค่าอาหารสัตว์แล้ว เป็ดยังช่วย :  พรวนดินด้วยเท้า, เพิ่มธาตุอาหารจากมูลเป็ด, ลดการใช้สารเคมีในนาข้าว, ช่วยควบคุมวงจรแมลงโดยธรรมชาติ 🥚 ไข่เป็ดออร์แกนิก: จุดขายที่คนรักสุขภาพต้องการ ไข่ที่ได้จากระบบเลี้ยงธรรมชาตินี้ ไม่มีสารเร่ง ไม่มีฮอร์โมน สีแดงมัน เนื้อไข่แน่น มีไขมันดี และ โอเมก้า-3

รู้จักกับคุณค่าที่มากกว่าความสวยของดอกไม้สีเหลืองสดใส ทานตะวัน (Sunflower) ไม่ได้เป็นแค่ดอกไม้ที่ให้ฟีล “ถ่ายรูปสวย” แต่ยังเป็นพืชที่มีคุณประโยชน์หลากหลาย ตั้งแต่การ ฟื้นฟูดิน ไปจนถึงการ สร้างรายได้ในเชิงเศรษฐกิจ และรู้ไหมว่า… หน้าหนาว คือช่วงที่ดีที่สุดในการปลูกทานตะวันในประเทศไทย แล้วทำไมถึงเป็นเช่นนั้น?  ทานตะวัน = พืชฟื้นฟูดินชั้นดี หนึ่งในคุณสมบัติที่หลายคนอาจไม่เคยรู้ คือ ทานตะวันสามารถดูดซับโลหะหนักและสารพิษจากดินได้ดี เช่น สารตะกั่ว แคดเมียม และโลหะหนักอื่น ๆ ที่ปนเปื้อนในพื้นที่เกษตร จึงถูกนำมาใช้ในโครงการ ฟื้นฟูพื้นที่ดินเสียหรือดินที่มีการปนเปื้อนจากสารเคมี โดยธรรมชาติและไม่เป็นอันตรายต่อสิ่งแวดล้อม รากของทานตะวัน มีคุณสมบัติในการดูดซับสารโลหะหนัก เช่น แคดเมียม ตะกั่ว และสังกะสี จากดิน จึงนิยมใช้ในระบบ phytoremediation (การบำบัดดินด้วยพืช) กลไกการดูดซับ: พืชจะสะสมโลหะไว้ในราก ลำต้น หรือใบ ทำให้สามารถ “เก็บกัก” สารพิษไว้โดยไม่ส่งผลต่อพืชชนิดอื่นในพื้นที่ การปลูกทานตะวันในช่วงฤดูหนาวได้รับความนิยม เพราะ : 🌞 อุณหภูมิเหมาะสมต่อการเจริญเติบโต กลางวันมีแสงแดดจัดที่ทานตะวันต้องการ กลางคืนอากาศเย็นพอดี ช่วยให้ต้นไม่เครียด 🌼

อาศัยการทำงานร่วมกันของพืชและปลาในระบบเดียวกัน นอกจากจะช่วยประหยัดน้ำ ลดการใช้สารเคมี และรักษาสิ่งแวดล้อมแล้ว ยังเป็นโอกาสที่ดีในการสร้างรายได้อีกด้วย หากคุณกำลังมองหาวิธีการทำเกษตรที่มีประสิทธิภาพ อะควาโปนิกส์ เป็นระบบการเพาะปลูกพืชและเลี้ยงสัตว์น้ำแบบผสมผสาน โดยนำน้ำจากบ่อเลี้ยงปลามาหมุนเวียนใช้เป็นปุ๋ยสำหรับพืช ซึ่งพืชจะดูดซึมสารอาหารจากน้ำเลี้ยงปลาและช่วยกรองน้ำให้สะอาด ก่อนที่น้ำจะถูกส่งกลับไปยังบ่อปลา ส่งผลให้ปลาสามารถเจริญเติบโตได้ดีในน้ำสะอาด อีกทั้งยังช่วยลดการสะสมของสารพิษที่อาจเป็นอันตรายต่อปลาได้อีกด้วย   หลักการทำงานของระบบอะควาโปนิกส์ เลี้ยงปลา – ปลาในบ่อจะปล่อยของเสียออกมาในน้ำ ซึ่งของเสียเหล่านี้จะกลายเป็นสารอาหารที่มีประโยชน์ต่อพืช แบคทีเรียช่วยย่อยสลาย – แบคทีเรียที่อยู่ในระบบจะช่วยย่อยสลายของเสียจากปลา เปลี่ยนเป็นไนเตรตและสารอาหารที่พืชสามารถดูดซึมไปใช้ได้ พืชดูดซับสารอาหาร – พืชที่ปลูกในระบบจะช่วยดูดซับสารอาหารจากน้ำ ทำให้พืชเจริญเติบโตแข็งแรง น้ำสะอาดกลับไปสู่บ่อปลา – เมื่อน้ำผ่านระบบรากพืชและกรองของเสียออกแล้ว น้ำที่สะอาดขึ้นจะถูกหมุนเวียนกลับไปสู่บ่อปลาอีกครั้ง 🎯 ประโยชน์และข้อดีของระบบอะควาโปนิกส์ ✅ #ประหยัดน้ำ – น้ำที่ใช้เลี้ยงปลาจะถูกหมุนเวียนกลับมาใช้ใหม่ จึงช่วยประหยัดน้ำได้มากกว่าการปลูกพืชและเลี้ยงปลาแยกกัน ✅ #ลดการใช้ปุ๋ยเคมี – เนื่องจากพืชสามารถนำสารอาหารจากน้ำเลี้ยงปลามาใช้ได้โดยตรง จึงไม่จำเป็นต้องใช้ปุ๋ยเคมีเพิ่มเติม ✅ #ให้ผลผลิตที่มีคุณภาพสูง – พืชได้รับสารอาหารอย่างครบถ้วนและสม่ำเสมอ ทำให้เติบโตได้ดีและมีคุณภาพสูง ✅ #เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม – ระบบอะควาโปนิกส์ไม่มีการปล่อยของเสียออกสู่ธรรมชาติ จึงช่วยลดมลภาวะต่อสิ่งแวดล้อม ✅ #สร้างรายได้เสริม